วิธีขับรถให้ประหยัดน้ำมัน เซฟเงินในกระเป๋า
สำหรับคนที่มีรถยนต์นอกจากค่าผ่อน ค่าประกัน หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ก็มี "ค่าน้ำมัน" ที่เป็นค่าใช้จ่ายหลัก ยิ่งช่วงนี้น้ำมันก็แพงขึ้นเรื่อย ๆ ขึ้นไม่หยุด ใคร ๆ ก็อยากหาวิธีประหยัดน้ำมัน วันนี้ ทรัม แท็กซี่ ช่วยลดค่าน้ำมันมาฝาก ไปดูกันเลย
1. นำสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกจากรถ
ก่อนออกเดินทางควรนำสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกจากรถไม่บรรทุกเกินความจำเป็น มิฉะนั้นจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับรถยนต์ นอกจากตัวรถยนต์จะวิ่งได้ไม่เต็มกำลังแล้ว ความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงย่อมเกิดขึ้นตามมา ดังนั้นข้าวของเครื่องใช้อะไรที่ไม่ได้ใช้งานนำออกดีกว่า
2. วางแผนก่อนออกเดินทาง
วางแผนการเดินทาง เลือกใช้เส้นทางที่สะดวกที่สุด เลือกช่วงเวลาของการใช้รถใช้ถนนที่น้อย ผู้ขับขี่สามารถทำการขับรถได้อย่างสบาย ๆ หลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัด โดยใช้ทางรองหรือทางอ้อม (รถติดสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง)
ถึงแม้ว่าจะใช้ระยะทางที่มากขึ้นก็ตาม จะให้ความรู้สึกว่าขับรถยนต์สบายกว่ากันอย่างมากทีเดียว ถ้าเป็นไปได้ให้ฟังข่าวสารการจราจรหรือ GPS รวมถึงช่องทางโซเซียลต่าง ๆ ในช่วงเวลาขณะนั้น
3. อุ่นเครื่องยนต์
อุ่นเครื่องยนต์หลังจากที่เครื่องยนต์ติดแล้วนั้นให้รอสักครู่ที่กระทำเช่นนี้ก็เพราะชิ้นส่วนและกลไกต่าง ๆ เมื่อถึงอุณหภูมิการทำงานจะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การไหลลื่นของกลไกต่าง ๆ มีมากขึ้นก็จะช่วยเรื่องอัตราการสิ้นเปลืองได้ดี ถึงแม้ว่าไม่สามารถที่จะวัดออกมาเป็นตัวเลขก็ตาม
4. ไม่ออกตัวอย่างรุนแรง
ไม่ออกตัวอย่างรุนแรงควรออกตัวรถอย่างนุ่มนวล หากออกตัวรุนแรงความสิ้นเปลืองจะมีมากขึ้น สังเกตได้จากวัดรอบของเครื่องยนต์บนมาตรวัดจะมีการทำงานที่มากขึ้นก็เท่ากับว่าใช้เชื้อเพลิงที่มากขึ้นเช่นกัน โดยปกติทั่วไปวัดรอบเครื่องยนต์ควรสัมพันธ์กับความเร็วที่ใช้
5. ขับรถยนต์ด้วยความเร็วที่สม่ำเสมอ
ขับรถยนต์ด้วยความเร็วที่สม่ำเสมอใช้ความเร็วที่เหมาะสมสัมพันธ์กับตำแหน่งเกียร์ตามสภาพเส้นทางและตามกฎจราจร นอกจากนั้นความปลอดภัยก็จะมีมากขึ้น ช่วงความเร็วที่ประหยัดเชื้อเพลิง คือ 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สังเกตได้ว่าจะใช้รอบเครื่องยนต์ที่ไม่มากนัก
6. เว้นระยะห่างจากรถคันข้างหน้า
เว้นระยะห่างจากรถคันข้างหน้าให้มีระยะห่างที่ปลอดภัย หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือเบรกกระทันหัน ทำให้รถช้าลงชั่วขณะกว่าที่จะเร่งเครื่องยนต์กลับมาที่ความเร็วเดิมนั้นต้องเหยียบคันเร่งที่มากขึ้น ความสิ้นเปลืองย่อมมีมากขึ้น
7. เลือกโหมดการขับขี่
การเลือกโหมดการขับขี่ หากรถยนต์มีสวิทซ์การเลือกโหมด (ECO MODE) ให้ทำการเปิดระบบการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์จะเข้ามาจัดการควบคุมการทำงานเองโดยอัตมัติ ซึ่งจะมีความแตกต่างจากการขับขี่ปกติก็จะทำให้มีความประหยัดเชื้อเพลิงอย่างชัดเจน
8. ปิดระบบปรับอากาศก่อนถึงจุดหมาย
ก่อนถึงจุดหมายปิดระบบปรับอากาศ ให้ทำการปิด (ตัดการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ A/C OFF) นอกจากจะช่วยให้คอยล์เย็น (ตู้แอร์) สะอาด ไม่สะสมเชื้อโรค ซึ่งจะเป็นผลดีต่อสุขภาพแล้วนั้น ความประหยัดเชื้อเพลิงก็มีมากขึ้น เหตุผลก็เพราะว่าจะตัดการกินกำลังของเครื่องยนต์ลงไปบางส่วน (หลายร้อยรอบต่อนาที) นอกจากนั้นการตอบสนองการเร่งได้ดีกว่าเดิมอย่างชัดเจนอีกด้วย
9. การเติมเชื้อเพลิง
การเติมเชื้อเพลิง การเลือกใช้เชื้อเพลิงที่เหมาะสมกับรถยนต์รุ่นนั้น ๆ ตามคู่มือที่กำหนดหรือที่ฝาเปิด-ปิดถังน้ำมันเชื้อเพลิงจะระบุไว้ สำหรับช่วงเวลาในการเติมน้ำมันเชื้อเพลิง ขอให้เติมช่วงอากาศเย็นหรือในตอนเช้า เพราะอุณหภูมิมีผลต่อการขยายตัวของน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนั้นหากกระทำได้ก็จะได้ปริมาณเชื้อเพลิงที่มากขึ้นเล็กน้อย
10. บำรุงรักษาตามกำหนด
บำรุงรักษาตามกำหนด ให้นำรถเข้าตรวจเช็คตามระยะทางที่กำหนด เพื่อการตรวจชิ้นส่วน การเปลี่ยนชิ้นส่วน การปรับตั้งตามกำหนด นอกจากมีความปลอดภัยแล้วนั้น การขับขี่ย่อมดีมีประสิทธิภาพตามมาอย่างแน่นอน
11. ปริมาณลมยาง
ปริมาณลมยาง ให้ทำการตรวจลมยางอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสามารถดูได้จากสติ๊กเกอร์ข้างประตูผู้ขับหรือจากคู่มือการใช้รถ การที่ลมยางอ่อนนั้นส่งผลต่อการสิ้นเปลืองอย่างชัดเจนและมีความไม่ปลอดภัยอีกด้วย ดังนั้นห้ามละเลยเด็ดขาด (ข้อสำคัญ อย่าลืมเช็คยางอะไหล่)
12. รถยนต์ไฮบริด
รถยนต์ไฮบริด สำหรับรถยนต์ประเภทนี้นั้น มีความประหยัดที่ดีอยู่แล้ว แต่ก็มีเคล็ดลับที่สามารถทำให้มีความประหยัดยิ่งขึ้นไปอีกครับ โดยมีข้อมูลดังนี้
- ขณะมีการขับขี่หากมีการเบรก จังหวะที่มีการถอนคันเร่งขณะรถวิ่ง บวกกับมีการแตะเบรกเบาๆ แค่ไฟเบรกติดเท่านั้น ระบบจะตัดการฉีดเชื้อเพลิงทันที่และมีการชาร์จไฟเข้าระบบไฮบริดโดยทันทีเช่นกัน
- ขณะมีการขับขี่ หากมีการถอนคันเร่งขณะรถวิ่ง จะตัดการฉีดเชื้อเพลิงโดยทันที บวกกับมีการเลื่อนคันเกียร์ไปตำแหน่ง B และบวกกับมีการแตะเบรกเบาๆแค่ไฟเบรกติดเท่านั้น การชาร์จไฟเข้าสู่ระบบไฮบริดจะมีมากขึ้นกว่า(ข้อ 1) อย่างชัดเจน
เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง